ใบ
บรรดาสัตว์เลี้ยงทุกชนิด
แมวจัดว่าเป็นพาหะของโรคติดเชื้อชนิดรุนแรงมากโรคที่สุด
การป้องกันและการรักษาอาการเหล่านี้มักมีความซับซ้อนและมีปัญหามาก
โรคติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดติดจากเชื้อไวรัส
มักซุ่มซ่อนอยู่ในร่างกายโดยไม่รู้ตัว บางชนิดอาจแฝงอยู่ในตัวนานหลายปี
บางครั้งถึงอาการจะหายสนิทอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็อาจกลับมาป่วยได้ใหม่เมื่แมวอายุมากขึ้น
หรือเมื่อแมวมีความเครียดทางกายหรือทางใจ
ความเข้าใจอย่างดีถึงวิธีการติดต่อของโรคติดเชื้อ
จึงนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง
หากคุณปรารถนาจะป้องกันแมวของคุณจากโรคร้ายแรงเหล่านี้
โดยเฉพาะจากโรคที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
|
--------------------------------------------------------------------------------------------------- |
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว หรือ Feline Immunodeficiency Virus (FIV)
โรค FIV ไม่รุนแรงเท่ากับโรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวในแมว (หรือ FeLV) และไม่เกี่ยวข้องกับเนื้องอก โรคนี้มีระยะการฟักตัวนาน จึงรุนแรงถึงเสียชีวิตในขั้นสุดท้ายของโรคเหมือนโรค FeLV อาการบ่งชี้ของโรค FIV ไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่ประกอบด้วย - มีอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อหลายประเภท (เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง) - มีอาการเลือดจาง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยับยั้งของไขกระดูก การติดต่อ โรค FIV ติดต่อหลัก ๆ ทางน้ำลาย การกัดเป็นวิธีที่พบบ่อยที่สุดในการติดเชื้อนี้ เป็นเหตุให้แมวตัวผู้ ซึ่งชอบต่อสู้มากกว่าตัวเมีย มีโอกาสติดเชื้อนี้สูงกว่าตัวเมียถึงสามเท่า |
--------------------------------------------------------------------------------------------------- |
โรคลำไส้อักเสบติดเชื้อไวรัสในแมว หรือ Feline Infectious Enteritis (FIE)/Feline Pandleucopenia/Feline Parvovirus
โรคติดเชื้อนี้สามารถป้องกันได้และัเรียกได้หลายชื่อ แต่ก็มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาการบ่งชี้ของโรค - อาเจียนและท้องร่วงรุนแรง โดยอาจมีเลือดปน - เซื่องซึมและเมินเฉยต่อสิ่งต่าง ๆ - มีอาการขาดน้ำ การติดต่อ โรค FIE ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งและของเสียที่ขับจากร่างกายของสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ หรือผ่านสิ่งสกปรกต่าง ๆ แมวที่เป็นโรค FIE จะยังคงติดเชื้ออยู่นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ๆ ไวรัสชนิดนี้มีความอดทนสูง โดยสามารถมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิห้องได้นานหนึ่งปี |
--------------------------------------------------------------------------------------------------- |
โรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวในแมว หรือ Feline Leukaemia Virus (FeLV) โรค FeLV
มีระยะฟักตัวค่อนข้างนานหลายปี และมักจะลุกลามจนถึงขึ้นคุกคามชีวิตในการติดเชื้อระยะสุดท้าย อาการบ่งชี้ของโรค FeLV ไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่ประกอบด้วย - มีพัฒนาการของเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือดขาว เช่น มีเนื้องอกร้ายของต่อมน้ำเหลือง - มีอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อหลายประเภท (เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันถูกยับยั้ง) - มีสภาวะเลือดจาง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยับยั้งของไขกระดูก การติดต่อ เชื้อไวรัส FeLV ติดต่อผ่านน้ำลาย ปัสสาวะ และสารคัดหลั่งอื่น ๆ ของแมวที่ติดเชื้อ ที่บ่อยที่สุดคือการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกตั้งแต่แรกเกิด โรค FeLV อาจติดต่อผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับแมวที่ติดเชื้อนี้ รวมทั้งผ่านชามอาหาร ชามน้ำ และถาดรองมูลของแมวที่ติดเชื้อ |
--------------------------------------------------------------------------------------------------- |
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือ Upper Respiratory Tract (URT) Infections
โรค URT อาจทำให้อวัยะหลายแห่งมีอาการติดเชื้อรุนแรง เชื้อไวรัส Reovirus มักเป็นต้นเหตุของการอับเสบเล็กน้อยที่ตาเท่านั้น ขณะที่เชื้อ Chlamydia ซึ่งอยู่ในตระกูลแบคทีเรียจะทำให้เกิดการอักเสบอย่างมาก ซึ่งเป็นปฏิกิริยาต่อยาหยอดตาปฏิชีวนะ ทั้งนี้เชื้อไวรัส Calicivirus (Calici) และ Rhinortacheitis virus คือ สาเหตุของอาการรุนแรงที่สุดขแงการติดเชื้อ URT แมวอาจทุเลาจากการติดเชื้อไวรัส calici หรือการอักเสบของจมูกและหลอดลม แต่จะกลายเป็น "พาหะเงียบ" นำเชื้อไปติดแมวตัวอื่นได้ ทั้งนี้การอักเสบของจมูกและหลอดลม เกิดจากไวรัสตระกูล herpesvirus ซึ่งจะฟื้นตัวได้ไหมในภาวะที่ร่างกายและจิตใจตึงเครียด การติดเชื้อไวรัส Calicivirus และการอักเสบของจมูกและหลอดลมมีอาการดังนี้ - จาม และมักมีขี้มูกหนา - ตาเยิ้มและมีขี้ตาเหนียว - มีแผลเปื่อยและแผลขนาดเล็กในปาก - มีไข้ - อยากอาหารลดลง พร้อมกับสูญเสียการดมกลิ่น - มีแผลเปื่อยที่ตา (เป็นผลจากการติดเชื้อไวรัส Rhinotracheitis virus) - เซื่องซึม และข้อต่อบวมในลูกแมว (เป็นผลจากการติดเชื้อไวรัส calicivirus) การติดต่อ - ไวรัส Herpesvirus ไม่แพร่กระจายในอากาศ แต่ติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงกับแมวที่ติดเชื้อ หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งหรือของเสียที่ขับออกจากร่างกายของแมวที่ติดเชื้อ - ไวรัสชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิห้องได้นานหนึ่งเดือน - ไวรัส Calicivirus ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงกับแมวที่ติดเชื้อ หรือการสัมผัสสิ่งที่เปื้อนสารคัดหลั่งหรือของเสียที่ขับออกจากร่างกายของ แมวที่ติดเชื้อ และยังฟุ้งกระจายไปในอากาศได้ด้วย - ไวรัส Chlamydia ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งของแมวที่ติดเชื้อ เช่น น้ำตาและน้ำลาย ส่วนแบคทีเรีย Bordetella ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ URT ในสุนัข สามารถติดต่อจากสุนัขที่ติดเชื้อไปสู่แมวได้ผ่านเชื้อที่ฟุ้งกระจายในอากาศ |
--------------------------------------------------------------------------------------------------- |
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อในแมว หรือ Feline Infectious Peritonitis (FIP)
ลูก แมวจะติดเชื้อโรคนี้ได้มากที่สุด ในระยะแรกที่ติดเชื้อไวรัสนี้ จะไม่มีอาการแสดงออกมา หรืออาจท้องร่วงเล็กน้อย จากนั้นเชื้อจะลุกลามจนถึงขึ้นคุกคามชีวิตได อาการของโรค FIP ไม่อาจคาดได้ แต่แบ่งเป็นรูปแบบ "เปียก" และ "แห้ง" โรค FIP ในรูปแบบ " เปียก" ทำให้ - มีของเหลวในช่ออก ทำให้หายใจลำบาก - มีของเหลวในช่องท้อง ทำให้ท้องบวม - มีไข้ อาเจียน และท้องร่วง - น้ำหนักลด อาการของโรค FIP ในรูปแบบ "แห้ง" ได้แก่ - ไตวาย - กระเพาะและลำไส้ทำงานไม่สะดวก - มีปัญหาด้านทางเดินหายใจ - เป็นลม - ตับติดเชื้อ - เซื่องซึม การติดต่อ โรคติดเชื้อไวรัสตระกูล Coronavirus ในแมวมีอยู่สองประเภท คือ Feline Enteric Coronavirus และ FIP ทั้งสองประเภทสามารถติดต่อไปสู่ลูกแมวทางการสัมผัสปากและจมูกกับมูลของแมว ที่ติดเชื้อ ระยะรุนแรงที่สุดของโรค Feline Enteric Coronavirus จะทำให้ลูกแมวท้องร่วงอ่อน ๆ ภายหลังเพิ่งหย่านม ถ้าแมวติดเชื้อไวรัสนี้เป็นเวลานาน เชื้อไวรัสก็จะพัฒนาไปสู่ขั้นรุนแรงของโรค FIP ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต |
--------------------------------------------------------------------------------------------------- |
โรคพิษสุนัขบ้า หรือ Rabies
โรคนี้อันตรายถึงขึ้นเสียชีวิต และสามารถติดต่อไปสู่คน อาการของโรคนี้มีหลากหลายมาก ประกอบด้วย - เซื่องซึม - กลืนอาหารลำบาก - เป็นลม - ก้าวร้าวมากขึ้น หรือเชื่อฟังมากขึ้น ซึ่งอย่างหลังไม่ค่อยพบนัก การติดต่อ โรคพิษสุนัขบ้าติดต่อผ่านน้ำลายจากการถูกกัดโดยสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ อย่างไรก็ตาม แมวมักสามารถต้านทานการติดเชื้อนี้ได้ตามธรรมชาติ เชื้อไวรัสชนิดนี้อ่อนแอ และไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากไม่อาศัยอยู่ในพาหะ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น