แพ้ขนแมว (Allergic cat)

บางครั้งเจ้าเหมียวก็ทำร้ายท่านโดยไม่ได้ตั้งใจได้เหมือนกัน หากท่านเป็นพวกแพ้ง่ายแล้วล่ะก็ ท่านจัดอยู่ในกลุ่มที่จะโดนสัตว์เลี้ยงแสนรักของท่านทำร้ายโดยไม่รู้ตัวได้ นะครับ มันก็แปลกนะครับ มีเจ้าเหมียวนับตัวได้ที่จะจามเมื่อเจ้านายเดินเข้ามาในห้อง แต่สำหรับคนแล้วถ้าจะนับก็หลายล้านคนทีเดียวที่จามเมื่อเข้าใกล้แมว แล้วอาการแพ้เจ้าเหมียวนี่ไม่ธรรมดานะครับ มันมีแต่ตั้งคัดจมูกน้ำมูกไหลไปจนถึงทำให้หอบตายได้ แล้วที่แย่ก็คืออาการแพ้สัตว์แสนรักนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ถึงแม้จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดแยกบ้านกันอยู่ให้บ้านแตกสาแหรกขาดไปเลย
 สถานการณ์ จะดีกว่านี้มากหากท่านรู้ตัวล่วงหน้าว่าท่านแพ้ขนแมว แต่นี้คนส่วนใหญ่จะรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว อาการแพ้นี้มักไม่ปรากฏในช่วงแรก ๆ ที่อยู่ด้วยกันใหม่ ๆ  แต่เมื่อรักจนหัวปักหัวปำจนไม่สามารถแยกจากกันได้แล้ว อาการจึงค่อยปรากฏ แต่หากท่านมีอาการเช่นที่ว่านี้ ทราบไว้เลยนะครับว่า ท่านไม่เป็นอยู่คนเดียว จากการศึกษาพบว่าอเมริกันชน 6-10 ล้านคนแพ้ขนแมว และเจ้าเหมียวขึ้นอันดับเป็นสัตว์อันดับแรกที่ทำให้คนเกิดอาการภูมิแพ้ มากกว่าเจ้าตูบถึง 2 เท่า

 อาการแพ้แมวนี้จะแสดงออก เหมือนแพ้อากาศ หรือแพ้เกสรดอกไม้ คือมีน้ำมูกไหล หายใจฟึดฟัด แต่ที่แย่กว่าการแพ้อากาศคือ อาการแพ้เจ้าเหมียวนี้ไม่มีฤดูกาล เป็นได้ตลอดปี เป็นทุกที่ไม่ว่านอกบ้านหรือในบ้าน ดังนั้นการควบคุมไม่ให้เกิดอาการแพ้ก็ยิ่งยากขึ้นอีกด้วย กลุ่มคนที่น่าสงสารก็คือพวกที่เป็นโรคหอบหืดครับ จากาวิจัยพบว่า  คนในกลุ่มนี้มีโอกาสเป็นโรคแพ้ขนแมวยิ่งกว่าคนปกติ

 แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ท่านทราบไหมครับว่า อาการแพ้นี้ตกทอดถึงลูกหลานได้ด้วยนะครับ แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันอย่างแน่ชัด แต่เด็กที่พ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้มีโอกาสถึง 1 ใน 3 ที่เป็นภูมิแพ้ด้วยเช่นกัน และถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นภูมิแพ้เด็ก 7 ใน 10 คนจะเป็นภูมิแพ้

 นับว่าเป็นข่าวร้ายทีเดียวนะครับ เพราะสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่กับแมว วิธีการป้องกันก็แสนง่าย แค่อยู่ห่าง ๆ จากแมว และไม่เข้าใกล้สิ่งของที่ใช้แปรงขนมันหรือที่ที่มันไปทิ้งขนไว้ในช่วง 2-3 เดือน แค่นี้ท่านก็ไม่ต้องทรมานกับอาการแพ้แล้ว

 แต่ ปัญหาก็คือ คนที่รัก ๆ กันอย่างท่านเจ้านายกับผมนี่ล่ะจะทำยังไง สำหรับคนที่รักแมวเหลือเกิน แต่อยู่ร่วมกันไม่ได้ มันแสนจะทรมานใจนะครับ บางคนยอมรับสภาพเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลไปให้หมอใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะไม่อยากยกเจ้าเหมียวให้คนอื่น แพทย์ส่วนใหญ่มักแนะนำว่าให้เลิกเลี้ยงเจ้าเหมียว แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า ที่ทำให้คนเกิดอาการแพ้นั้น ไม่ใช่ขนแมว หรือแม้แต่รังแคแมวอย่างที่คนบางกลุ่มกล่าวอ้าง แต่เป็นโปรตีนที่อยู่ในแมวเท่านั้น โปรตีนนี้อาจจะอยู่ในน้ำลายหรือของเหลวอื่นที่ออกมาจากตัวเจ้าเหมียว เมื่อเจ้าเหมียวเลียขน โปรตีนที่ว่านี้ก็ติดอยู่ที่ขน ทำให้คิดไปว่าแพ้ขน นอกจากติดอยู่ตามของที่มันเลียแล้ว โปรตีนนี้สามารถลอยไปได้ในอากาศและไปติดอยู่กับที่อื่น ๆ อีก ดังนั้นไม่ว่าท่านจะเลี้ยงแมวหรือไม่ ท่านก็สามารถแพ้ได้ หากสูดอากาศที่มีโปรตีนนี้เข้าไป การจะทำให้อากาศสะอาดปราศจากโปรตีนนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้แน่ การแปรงขนแมวยิ่งทำให้มันกระจายมากขึ้น และการอาบน้ำให้เจ้าเหมียวก็ช่วยได้เพียงระยะสั้น ๆ โปรตีนสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ก่อนที่เจ้าเหมียวจะขนแห้งสนิทเสียอีกแต่อย่าเพิ่งหมดหวังนะครับ ขณะนี้มีผู้คิดค้นยาขนานใหม่ขึ้นมาและกำลังจะวางตลาดในไม่ช้า หากฉีดยานี้แล้วร่างกายจะขจัดกลไกที่ทำให้แพ้ออกไป แต่ข้อเสียคือต้องไปฉีดยานี้ทุกเดือนและค่ายาแพงมาก อีกวิธีหนึ่งที่จะ ช่วยลดอาการแพ้ลง คือ ต้องให้สัมผัสกับเจ้าเหมียวตั้งแต่เล็ก ๆ มีการศึกษาชิ้นหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่า หากเด็กอยู่กับแมวใน 1 ขวบแรก จะมีโอกาสแพ้น้อยลง ยิ่งถ้าอยู่กับสัตว์มากกว่า 2 ตัวขึ้นไป โอกาสที่จะไม่แพ้มีถึงร้อยละ 70 นี่เป็นข่าวดีสำหรับคุณแม่คนใหม่ที่กำลังสองจิตสองใจว่าจะไล่เจ้าสี่ขาออก จากบ้านเพื่อเจ้าสองขาดีหรือไม่ ผลการศึกษาใหม่ ๆ ชี้ให้เห็นว่าการเตะเจ้าเหมียวออกจากบ้านเพราะกลัวลูกเป็นภูมิแพ้นั้นไม่มี เหตุผลออกอย่างมาก
 ผู้ที่เป็นภูมิแพ้สามารถควบคุมอาการแพ้ได้หลายวิธี เช่น การกรองอณูอากาศ การบำบัดโดยใช้ยา  การฝังเข็มและการยาสมุนไพรที่ปรับสมดุลของร่างกาย เป็นต้น

 การใช้หลาย ๆ วิธีข้างต้นร่วมกันจะช่วยให้เจ้านายที่เป็นภูมิแพ้สามารถอยู่กับเจ้าเหมียว ต่อไปอย่างปกติสุขได้ แต่ก่อนอื่นท่านต้องไปตรวจให้แน่ใจก่อนว่าเจ้าเหมียวของท่านเป็นตัวต้นเหตุ ของอาการจริง ๆ จากนั้นจึงจะเริ่มลงมือปรับตัวให้เข้ากับเจ้าเหมียว  ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ต้องใช้ยาเพื่อป้องกันการบวม และพ่นจมูกเพื่อกันไม่ให้น้ำมูกไหลไว้ก่อน เพราะหากปล่อยไปท่านก็จะเกิดอาการขึ้นทันที นอกจากนี้ท่านยังควรจัดให้มีบริเวณที่เจ้าเหมียวเข้าไปไม่ได้ ซึ่งสถานที่ที่เหมาะที่สุดน่าจะเป็นห้องนอนของท่านเพราะท่านใช้ 1 ใน 3 ของชีวิตประจำวันอยู่ในนั้น นอกจากนี้ยังควรทำความสะอาดบ้านให้หมดโดยเฉพาะที่พรม และถ้าจะให้ดีหากท่านมีอาการภูมิแพ้ ควรจะไม่มีพรมในบ้าน ติดตั้งระบบกรองอากาศในห้องนอนและเปิดใช้อยู่เสมอ และไม่ว่าจะเหมียวจะวิงวอนขนาดไหนก็อย่าปล่อยให้มันเดินเข้าประตูห้องนอนมา เด็ดขาด  ถ้าท่านใช้เวลาส่วนใหญ่หน้าจอโทรทัศน์ควรติดตั้งเครื่องกรองอากาศในห้องนั้น ด้วย
 เจ้านายเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า หากยังรักกัน ยังอยากอยู่ด้วยกันอยู่ เพียงแค่การใช้ยาและลดการสัมผัสกับเจ้าเหมียวลงก็สามารถทำให้เจ้านายที่เป็น ภูมิแพ้และเจ้าเหมียวอยู่ร่วมกันต่อไปได้ ขอแค่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนที่ปกตินิดหน่อยเท่านั้น วันนี้ผมคงขอพอแค่นี้ก่อน เจอกันฉบับหน้านะครับ

ความคิดเห็น